แผนที่การเดินเรือและการคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง
การออกเรือโดยไม่มีแผนที่ โดยเฉพาะในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่ต่างจากการเดินทางในที่มืด ยิ่งถ้าคำนวณน้ำมันผิด ชีวิตและทรัพย์สินอาจตกอยู่ในความเสี่ยง แม้ว่าปัจจุบันเรือสปีดโบ๊ทส่วนใหญ่จะมี GPS ใช้งาน แต่การเรียนรู้วิชาแผนที่ทางทะเลถือว่าเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้คุณวางแผนการเดินเรือได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ
- วิชาแผนที่เรือและการคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง
- เนื้อหาสำคัญของวิชาแผนที่เรือ
- การคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง
- ความสัมพันธ์ของทักษะการอ่านแผนที่เรือและการคำนวณน้ำมัน
- การเดินเรืออย่างมืออาชีพ ต้องรู้จักใช้แผนที่

วิชาแผนที่เรือและการคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง
เป็นหนึ่งในทักษะสำคัญของหลักสูตรช่างซ่อมบำรุงและการขับเรือ ของไทยสปีดโบ๊ทในชั้นต้น หรือหลักสูตร 30 ชั่วโมง ที่ใช้เวลาเรียน 4 วัน วิชานี้สอนโดยพลเรือตรีนันทพล มาลารัตน์ อดีตผู้บัญชาการฐานทัพเรือพังงาที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการเดินเรือมายาวนาน

เนื้อหาสำคัญของวิชาแผนที่เรือ
วิชาแผนที่เรือหรือแผนที่ทางทะเล เป็นทักษะพื้นฐานของผู้ควบคุมเรือ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเรือชายฝั่งหรือทะเลเปิด แผนที่ทางทะเลจะแสดงข้อมูลที่สำคัญให้รู้ เช่น
- แนวตื้นลึกของน้ำ
- จุดอันตราย (โขดหิน สันดอน)
- เส้นทางเดินเรือหลัก
- ตำแหน่งท่าเรือ จุดจอด หรือจุดพักเรือ
ผู้ที่ใช้เรือจึงจำเป็นต้องอ่านแผนที่เป็น เพื่อวางแผนเส้นทางให้ปลอดภัย ลดโอกาสหลงทาง และหลีกเลี่ยงพื้นที่อันตราย

การคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง
เมื่อเราอ่านแผนที่ทางเรือเป็น เราก็สามารถคำนวณระยะทางที่เรือวิ่ง เพื่อนำไปสู่การคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องใช้ตลอดการเดินทางได้อย่างแม่นยำ เป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญที่กัปตันหรือผู้ควบคุมเรือต้องรับผิดชอบ เพราะหากน้ำมันหมดกลางทะเลไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ซึ่งในการคำนวณน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องรู้ในสิ่งต่อไปนี้
- ระยะทาง (ไป–กลับ)
- ความเร็วเฉลี่ยของเรือ
- อัตราการกินน้ำมัน (ลิตร/ชั่วโมง หรือ ลิตร/ไมล์ทะเล)
- สภาพอากาศและคลื่นลม (อาจเพิ่มการสิ้นเปลือง)
- การสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 10–20%

ความสัมพันธ์ของทักษะการอ่านแผนที่เรือและการคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง
การอ่านแผนที่และการคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นทักษะที่ต้องใช้ควบคู่กันเสมอ แผนที่ช่วยในการวางแผนเส้นทางให้ชัดเจน ส่วนการคำนวณเชื้อเพลิง ช่วยให้รู้ว่า “เส้นทางนั้น” ใช้น้ำมันเท่าไร การมีทั้งสองทักษะ จะช่วยให้การเดินเรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนจากการบรรทุกน้ำหนักของน้ำมันมากเกินไป และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินเรือได้อย่างราบรื่น


การเดินเรืออย่างมืออาชีพ ต้องรู้จักใช้แผนที่
การเรียนวิชาแผนที่และการคำนวณน้ำมัน จึงเป็นรากฐานสำคัญไม่ว่าจะเป็นชาวเรือ เจ้าของเรือ หรือผู้ควบคุมเรือ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เรือเพื่อประกอบอาชีพหรือใช้เพื่อสันทนาการก็ต้องมีทักษะพื้นฐานที่จะทำให้ใช้เรือได้อย่างปลอดภัย
(เปิดอบรมสำหรับบุคคลทั่วไป ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ จบแล้วได้รับประกาศนียบัตรนายท้ายเรือและประกาศนียบัตรคนใช้เครื่องจักรยนต์เรือ)สนใจเข้ารับการอบรมหลักสูตรช่างซ่อมบำรุงและขับเรือสปีดโบ๊ท